บทที่ 2 - ความไม่เท่าเทียมและค่านิยมที่แตกต่าง

ถึงว่าเกรซจะเป็นเด็กเกเรแต่สุดท้ายเธอก็สามารถเรียนจบปริญญาโท ณ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เกรซจบปริญญาโทแล้วเธอก็ได้นึกถึงน้องชายของเธอซึ่งจบแค่ชั้นมัธยมปีที่ 3 อาจจะดูเหมือนเป็นความโชคดีหรือที่เค้าเรียกว่าทำบุญมาเยอะแต่ชาติปางก่อนของเกรซดังที่ผู้ใหญ่ทัก ส่วนน้องชายเกรซก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าข้างหรือว่าทำบุญมาไม่เท่ากันกับเกรซผู้ที่ได้รับการศึกษาสูงจากต่างประเทศ 
     เนื่องจากที่ทุกคนมัวแต่เชื่อโชคชะตาโดยไม่ลืมหูลืมตา เลยลืมคิดพิจารณาถึงความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้นว่า เกรซได้รับโอกาสมากกว่าน้องชายของเธอ เธอได้เติบโตมาในการดูแลของฝั่งคุณพ่อที่มีฐานะสามารถส่งเสียให้เรียนในสถาบันดีๆและรอบล้อมไปด้วยคนที่มีการศึกษา ในขณะที่น้องเธอนั้นอยู่กับคุณแม่ที่ต้องหาเช้ากินค่ำแถมตนก็จบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ เท่านั้นเองแล้วแบบนี้มันจะแปลกไหมว่าทำไมเกรซถึงได้จบการศึกษาสูงกว่าน้องของเธอ เช่นเดียวกับตัวอย่างจากความบทที่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ตัวเกรซเองพอไม่ได้รับการศึกษาที่ดีการเรียนของเธอก็ตกต่ำเช่นกัน

ถูกฆ่าด้วยยาลดน้ำหนักและสารฉีดผิวขาว
หลังจากที่เกรซเรียนจบเกรซตัดสินใจที่จะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษเพราะเธอรู้สึกสบายใจ ไร้ความกดดันจากครอบครัวและสภาพสังคมไทย อย่างเช่น
     ประการที่หนึ่ง เกรซไม่ต้องมาลดน้ำหนัก กินยาลดความอ้วนอีกต่อไป เนื่องจากชาวตะวันตกไม่ได้ฮิตความผอมแบบผอมมากดังเช่นที่คนไทยนิยมและปลูกฝังกัน เกรซไม่ได้เป็นคนอ้วนแต่ตอนอยู่เมืองไทยเกรซต้องกินยาลดความอ้วนเพื่อที่จะได้ผอมแห้งตามที่คนไทยนิยม เกรซเคยกินยาจนเบลอและเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เฉพาะตัวเกรซคนเดียวเพื่อนของเกรซก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะผอมโดยการกินยาลดน้ำหนัก แต่ที่หนักที่สุดคือหลายคนใช้การเสพย์ยาที่เรียกว่ายาบ้า บ้างก็ติดกันจนฝั่นเฝือน ติดคุกก็มี ทิ้งชิวิตตัวเองก็มี เกรซไม่ได้บอกว่าเมืองนอกไม่ฮิตผอม เขาก็ฮิตผอมแต่ไม่ใช่ผอมติดกระดูกเหมือนเมืองไทย เราจะเห็นได้ว่านางเอกหนังเมืองไทยมีแต่ผอมแห้งไปเลยในขณะที่เมืองนอกนั้นเค้าจะมีความชอบหลากหลายรูปแบบ เราจึงสามารถเห็นได้จากนางเอกบางคนที่อวบ บางคนผอม บางคนคล้ำ บางคนขาว


ตัวอย่างดารานางเอกภาพยนต์ไทย
ภาพโดย:  soccersuck.com
ตัวอย่างดารานางเอกภาพยนต์ต่างประเทศ
ภาพโดย: maximonline.com



พูดถึงเรื่องคล้ำและขาว นี่ก็เป็นสาเหตุประการที่สองที่เกรซรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากเธอเคยต้องวิ่งหนีแดดเสมอ และเวลาไปเที่ยวทะเลเธอไม่เคยที่จะได้ลงเล่นน้ำทะเล ทั้งๆที่เธอเป็นคนชอบทะเลมากแต่เธอไม่อยากให้ผิวของเธอคล้ำเนื่องจากเกรซมีเชื้อจีนเธอขาวได้และก็คล้ำได้ง่ายด้วย พอเกรซได้มาอยู่ที่ประเทศอังกฤษและเริ่มเปลี่ยนความคิดให้มีความคิดที่กว้างขึ้นเหมือนชนชาติที่เขาพัฒนาแล้ว เธอก็มานั่งคิดใคร่ควรและรู้สึกสงสารคนที่เกิดมาผิวคล้ำในประเทศไทยเพราะเขาแถบจะไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลย เนื่องจากประเทศไทยนั้นแบ่งแยกชนชั้นวรรณะมากเหลือเกินแม้กระทั่งกับสีผิว ค่านิยมความชอบที่ผิดนี้เป็นผลกระทบให้คนในประเทศเกลียดกันเองก็มี เพราะคนที่ผิวคล้ำก็จะถูกล้อถูกดูถูกและถูกจัดให้เหมือนเป็นคนด้อยกว่าคนผิวขาว ในขณะที่มนุษย์ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกันและมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
     เด็กที่เกิดมาผิวคล้ำก็มักจะมีปมด้อย เกรซมีลูกพี่ลูกน้องที่ผิวคล้ำเราทั้งคู่จะโดนเปรียบเทียบกันมาตลอด แม้แต่ปู่ของเกรซเองท่านก็จะเรียกเกรซว่า "อีขาว" แล้วเรียกลูกพี่ลูกน้องว่า "อีดำ" แล้วลูกพี่ลูกน้องของเกรซคนนี้จึงมีปมด้อย เกรซยังรู้สึกได้อีกว่ามันเป็นการสร้างปัญหาทำให้เกิดความความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังกันขึ้น ซึ่งปมด้อยนี้เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้สร้างกันขึ้นมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ให้กับเด็กตาดำๆ เรานั่นเอง จุดนี้ถือว่าเป็นค่านิยมที่ผิด คนจะเกิดมาอ้วน ต่ำ ดำ เตี้ยนั้น มิได้เป็นความผิดอะไรของใครทั้งนั้น เพียงแต่สังคมไทยและค่านิยมไทยนั่นเองที่ปลูกฝังกันให้คนปกติกลายเป็นเหมือนคนผิดไป มันจึงเกิดความไม่เท่าเทียมกันและสุดท้ายก็เกิดความแตกแยกและเกลียดชังกันเอง ความกดดันที่เกิดจากการที่สังคมไทยได้สร้างค่านิยมกันแบบผิดๆ นี้ได้ฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน จะเห็นได้จากข่าวรายวันที่มีคนอยากขาวไปฉีดผิวขาวหรืออยากผอมจนต้องกินยาลดน้ำหนักจนเสียชีวิตกันไปเลยทีเดียว 
     เราจะเห็นได้ว่าหนังต่างชาติเขาจะมีนางเอกพระเอกนักแสดงและคนดังที่มีความสวยความงามแตกต่างกันไป  ดูจากตัวอย่างด้านล่างนี้ จากด้านซ้ายมือ ใครๆจะต้องรู้จักท่านเป็นอย่างดีเพราะท่านคือ คุณบาราค โอบาม่า ประธานธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา ส่วนด้านขวาก็ คุณวิล สมิทธิ์ ที่เป็นพระเอกหนังหลายเรื่องด้วยกันที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆจะเห็นว่าเขาก็ผิวคล้ำแต่เขาก็ยังได้รับความนิยมและการยอมรับ แต่ทำไมคนไทยจึงยังมีความคิดแบบแคบแคบและยังจะแบ่งชนชั้นวรรณะอยู่


ประธานาธิบดีบาราค โอบามา//นักแสดงชายวิลล์ สมิทธ์
ภาพโดย: wildsound-filmmaking-feedback-events.com

เกรซยังสังเกตเห็นได้อีกว่าตามแผงหนังสือนิตยสารไทยนั้นเราจะเห็นแต่นางแบบที่มีผิวขาวอยู่บนหน้าปกเท่านั้น และนี้คงเป็นสาเหตุที่ทำไมโลชั่นปรับผิวขาวจึงได้ขายดิบขายดีในประเทศไทย และเกรซไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินจากปากลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ถูกเรียกว่าอีดำบอกว่า เธอชอบอยู่ต่างประเทศเพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสวย ทั้งๆที่เธอเป็นคนมีฐานะ มีเงินมรดกที่ใช้ได้ไม่หมดไปจนวันตายหากเธอเลือกที่จะพำนักอยู่ในประเทศไทย

ตัวอย่างโลชั่นผิวขาวที่ถูกวางขายในประเทศไทย

เมืองไทยยังมีอีกหลายจุดที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันซึ่งสำหรับในต่างประเทศอย่างเช่นประเทศอังกฤษนั้นจะถูกถือว่าเป็นความผิดที่ถูกระบุไว้ในกฎหมายเลยทีเดียว

ความลำเอียงในการรับสมัครและคัดเลือกพนักงานในตลาดงานในประเทศไทย
เกรซได้สังเกตเห็นในประกาศรับสมัครพนักงานของบริษัทในประเทศอังกฤษนั้นจะไม่มีบริษัทไหนที่ระบุเลือกพนักงานในเรื่องของ  อายุ เพศ สถานะการสมรส ระดับการศึกษา หรือการขอดูรูป นั้นเป็นเพราะว่ากฎหมายของประเทศอังกฤษออกมาชัดเจนว่า คนทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน จะไม่มีคำว่าสาวประเภทหนึ่งหรือสอง มีอยู่ครั้งหนึ่งเกรซกำลังนั่งดูรายการทางโทรทัศน์อยู่กับแฟนและเห็นผู้หญิงที่คนไทยเรียกกันว่าสาวประเภทสอง เกรซก็ใช้คำแสดงเรียกเธอคนนั้นว่า "He" ที่เป็นคำสรรพนามในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกผู้ชาย แต่ในรายการที่เกรซดูอยู่นั้นเขาได้เรียกเธอคนนี้ว่า "She" ซึ่งเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกผู้หญิง เกรซก็หัวเราะเพราะนึกว่ารายการโทรทัศน์นั้นไม่รู้ว่าเธอคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิง แต่แล้วแฟนของเกรซก็บอกว่าเขารู้ แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษมันผิดกฎหมายและเสียมารยาทหากเราไม่เรียกบุคคลนั้นๆดั่งที่เค้าต้องการถูกเรียก
     ในเรื่องของอายุก็เช่นกัน ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เราจึงได้เห็นวัยรุ่นอายุ 19 เช่นเจ้าของเฟสบุ๊คประสบความสำเร็จกับธุรกิจของเขา เขายังได้ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยที่รวยที่สุดในโลก เพราะชาวตะวันตกจะดูกันที่ความสามารถ ไม่ใช่ความแก่หรือความอ่อน ในเรื่องของความแก่และความอ่อนนั้นจริงๆแล้ว สังคมไทยเป็นสังคมดี ที่เด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ แต่บางทีผู้ใหญ่มักเอาจุดตรงนี้มาใช้ข่มเด็ก ในบางบริษัทถึงได้ไม่มีการเติบโตและประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะเด็กไม่สามารถออกความคิดเห็นได้เต็มที่ เพราะเกรงผู้ใหญ่ที่มีอายุและตำแหน่งสูงกว่าจะเขม่นเอา แต่เด็กสมัยใหม่บางทีพอเห็นว่าตัวเองเก่งกว่า รู้มากกว่าก็หยิ่งพยองและไม่เคารพผู้ใหญ่ ในขณะที่เราควรจะให้ความเคารพกับคนทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าเค้าจะแก่กว่า อ่อนกว่า โง่กว่า หรือฉลาดกว่าใครนั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เราควรจะให้ความเคารพซึ่งกันและกันด้วยความเป็นมนุษย์ ที่เราเรียกตัวเองกันว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดและพัฒนาแล้ว 
     ส่วนเรื่องของการระบุสถานะการสมรสนั้นเป็นการผิดกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด เกรซไม่เคยเข้าใจว่าทำไมหลายบริษัทในเมืองไทยต้องการรับเฉพาะคนโสด เธอยังได้คุยกับคุณแม่แล้วขำกันว่าบริษัทนั้นๆสงสัยจะเอาพนักงานไปทำเมียมากกว่าไปทำงาน เช่นเดียวกับการขอดูรูป เกรซได้เล่าให้แฟนชาวอังกฤษฟัง แฟนเกรซก็หัวเราะเช่นกันและบอกว่าสงสัยบริษัทพวกนี้อยากจะดูว่าคนสมัครมีผิวสีอะไร อ้วน ต่ำ ดำ เตี้ย หน้าแบน กามโตในแบบที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบหรือเปล่า ซึ่งฟังดูแล้วมันไม่แฟร์เอาซะเลย
   โฆษณาด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างที่เกรซได้เห็นมาอย่างชัดเจนว่าในประเทศไทยนั้นจะมีการระบุ อายุ เพศ และการศึกษา แม้กระทั่งสำหรับงานเสมียนทั่วๆไป ในขณะที่ในประเทศอังกฤษนั้นจะไม่มีการระบุสิ่งเหล่านี้เลย แม้กระทั่งโฆษณาหาพนักงานที่เป็นผู้บริหารระดับสูงนั้นยังไม่มีการระบุในเรื่องของวุฒิการศึกษาเลยด้วยซ้ำ
    
ใบประกาศรับสมัครงานพนักงานคีย์ข้อมูลทั่วไป
ที่มา: jobsdb.com
ใบประกาศรับสมัครงานฝ่ายเอกสารทั่วไป
ที่มา: jobsdb.com


ใบประกาศรับสมัครงานผู้อำนวยการในประเทศอังกฤษ
ที่มา: reed.co.uk


ใบประกาศรับสมัครงานผู้อำนวยการในประเทศอังกฤษ
ที่มา: totaljobs.com
 ท่านผู้อ่านสามารถพิสูจน์ด้วยตัวของท่านเอง โดยการค้นหาประกาศรับสมัครพนักงานที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างนี้ได้อีกจากลิงค์ด้านล่างนี้ ซึ่งเป็นลิงค์ประกาศรับสมัครพนักงานที่เป็นที่นิยมระดับหนึ่งของประเทศอังกฤษ ผู้อ่านสามารถเข้าไปดูและพิสูจน์ให้เห็นด้วยตนเองว่าการประกาศโฆษณารับพนักงานนั้นไม่มีการระบุ อายุ เพศ สถานะการสมรส และการศึกษาแต่อย่างใด 
     บริษัทหางานในอังกฤษ Reed 
และผู้อ่านสามารถดูโฆษณาหาพนักงานของบริษัทในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่จะมีการระบุ อายุ เพศ สถานะการสมรส และการศึกษา ได้จากลิงค์ด้านล่างนี้
     บริษัทหางานในไทย Thailand-JobsDB 


สำหรับในเรื่องการระบุการศึกษาไว้ในประกาศรับสมัครงานนั้น มีผลกระทบกับใครหลายๆคน ในหลายๆ ด้านที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงเลยทีเดียว


คลิกเพื่ออ่านต่อเข้าสู่บทที่ 3 - ชิวิตนักเรียนนอก 

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2 มีนาคม 2555 เวลา 18:44

    เราว่าพี่มีความคิดที่แปลกไปเองหรือป่าว อย่างที่บอกว่าชาติที่พัฒนา ไม่อะเพราะเราก็เป็นคนผิวคล้ำอยู่ประเทศไทยก็ไม่ได้มีปมด้อยอะไรในชีวิตขนาดต้อง กินหรือฉีด เพียงแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ก็ไม่ต้องไขว่คว้าอะไรที่มันเกินตัว ไม่ยึดติดค่านิยมหรือไม่เสพค่านิยมมากไป

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีคนส่วนน้อยที่จะคิดและปลงได้ดังตามความคิดเห็นด้านบนนี้ที่ว่า "ไม่อะเพราะเราก็เป็นคนผิวคล้ำอยู่ประเทศไทยก็ไม่ได้มีปมด้อยอะไรในชีวิตขนาดต้อง กินหรือฉีด เพียงแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ก็ไม่ต้องไขว่คว้าอะไรที่มันเกินตัว ไม่ยึดติดค่านิยมหรือไม่เสพค่านิยมมากไป"

      ผู้เขียนจึงต้องนำบนความนี้มาแสดงเพราะผู้เขึยนนั้นก็มีความคิดตรงกันกับความเห็นด้านบนเช่นกัน และหวังว่าจะมีคนส่วนใหญ่คิดเหมือนความคิดเห็นด้านบนนี้มากขึ้นที่ว่า "เพียงแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ก็ไม่ต้องไขว่คว้าอะไรที่มันเกินตัว ไม่ยึดติดค่านิยมหรือไม่เสพค่านิยมมากไป" และในอนาคตเราอาจจะได้เห็นโลชั่นปรับผิวขาวWhitening ยาฉึดผิวขาวผิดกม. ที่ขายกันอยู่เกลี่อนกลาดนั้นลดลง แล้วหวังว่าเมืองไทยจะมีดารา โดยเฉพาะฝ่ายนำทั้งชายและหญิงที่มีผิวสีแทนเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ลูกครึ่ง อาตี๋ อาหมวย อย่างที่เป็นมานานและก็ยังเป็นอยู่ในขณะนี้

      ขอบคุณทุกความคิดเห็น

      ลบ